กลุ่มอีโต้น้อยผุดโครงการฝึกทักษะอาชีพและทัศคติที่ดีให้กับชาวบ้านโคกล่าม เพื่อฝ่าฟันภัยแล้งในชุมชนอย่างยั่งยืน

บุรีรัมย์ เกษตรกรรม

จังหวัดบุรีรัมย์เป็นจังหวัดที่ประสบปัญหาภัยแล้งมาอย่างยาวนาน ผลร้ายที่เกิดขึ้นคือเกษตรกรในหลายพื้นที่ขาดแคลนทรัพยากรน้ำในการทำการเกษตร ความเดือดร้อนนี้ครอบคลุมไปถึงพื้นที่บ้านโคกล่าม อำเภอลำปลายมาศ ที่เกษตรกรจำนวนมากอยู่ในสถานะที่ขาดแคลนรายได้

ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนกลุ่มอีโต้น้อย จึงได้ริเริ่มโครงการสร้างปัญญาฝึกทักษะเพื่อพัฒนาอาชีพผู้ด้อยโอกาส เพื่อเข้ามาแก้ปัญหาที่เกษตรกรกำลังเผชิญหน้าอยู่ วีระ สิทธิสาร ผู้จัดการศูนย์การเรียนรู้อีโต้น้อย เล่าว่า

“ที่ผ่านมาสิ่งที่ศูนย์การเรียนรู้ฯ ทำคือ เน้นให้ชาวบ้านมีกินจากการปลูกพืชแบบผสมผสาน ทั้งไม้ผล ไม้ยืนต้น ผัก และเลี้ยงสัตว์ เราจึงใช้ฐานทุนเรื่องต้นไม้และเมล็ดพันธุ์ที่มีอยู่ในชุมชนมาทำโครงการฯ ด้วยการสอนชาวบ้านเพาะกล้าไม้ เพื่อใช้ต่อยอดเป็นอาชีพเสริม และอยากให้เกิดเครือข่ายของคนที่เพาะกล้าไม้ให้มีการช่วยเหลือแบ่งปันและแลกเปลี่ยนกัน

การอบรมฝึกฝนที่โครงการจัดขึ้นคือการส่งเสริมทักษะการเพาะกล้าไม้ โดยได้ พ่อคำเดื่อง ภาษี ปราชญ์ชาวบ้านของจังหวัดบุรีรัมย์ และ คุณสมศรี สุริเย มืออาชีพเพาะกล้าไม้ขาย เข้ามาเป็นวิทยากรในการกระตุ้นกำลังใจ และเสริมสร้างทักษะให้กับกลุ่มเป้าหมาย

ด้วยความที่ชุมชนมี ‘ทรัพยากรป่าชุมชน’ ที่เป็นต้นทุนของพื้นที่ ทำให้อาชีพการเพาะกล้าไม้สอดคล้องกับสิ่งที่ชุมชนมีอยู่แล้วเป็นอย่างดี ในการอบรมโครงการได้บ่มเพาะทักษะการเพาะกล้าไม้เศรษฐกิจอย่าง ไม้ยางนา ไม้แดง ไม้ประดู่ เป็นต้น

นอกจากทักษะอาชีพแล้ว โครงการยังให้ความสำคัญกับทักษะทางการตลาดอย่างการเล่าเรื่องต้นไม้ ซึ่งเป็นวิธีการทางการตลาดออนไลน์ ที่จะช่วยสร้างความน่าสนใจในการโพสต์จำหน่ายสินค้า

“เราสอนเรื่องการตลาดออนไลน์ด้วย ทั้งวิธีเล่นไลน์และเฟซบุ๊กเบื้องต้น เพื่อให้ใช้เป็น นอกจากนี้ยังมีช่องทางประชาสัมพันธ์ผ่านสถานีวิทยุจังหวัดบุรีรัมย์ ถ้าเป็นตลาดปกติก็จะให้กลุ่มเป้าหมายฝึกเล่าให้ผู้ซื้อฟัง ซึ่งในอนาคตนอกจากกล้าไม้ ทางกลุ่มจะขยับไปที่ไม้ประดับเพื่อความสวยงามด้วย” วีระเล่า

นอกเหนือไปจากการอบรมทักษะที่โครงการได้จัดทำขึ้นแล้ว ยังมีแนวทางอบรมทัศนคติวิถีความพอเพียงที่จะสร้างแนวคิดการพึ่งพาตนเองและพึ่งพาชุมนมในการสร้างรายได้และเลี้ยงดูครัวเรือน

ท้ายที่สุดแล้วเมื่อหลักสูตรการอบรมของโครงการได้จบลง กลุ่มเป้าหมายทุกคนสามารถมีรายได้จากการขายกล้าไม้ทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งช่วยแก้ปัญหาหนี้สินให้กับครัวเรือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ คำบุ่ง ขวาหาญ หนึ่งในกลุ่มเป้าหมาย เล่าว่า

“ตอนนี้ทำหน้าที่ขายกล้าไม้ผ่านเฟซบุ๊กของตัวเอง และขายให้เพื่อนในกลุ่ม โดยถ่ายรูปต้นไม้พร้อมเรื่องเล่า บอกราคา จากที่ตอนแรกมองภาพแค่เป็นเพียงรายได้เสริม แต่ตอนนี้กำลังจะเป็นรายได้ประจำแล้ว”

ความสำเร็จของโครงการนอกจากการสร้างรายได้ให้กับกลุ่มเป้าหมายแล้ว ยังเป็นการสร้างความสุขและความเข้มแข็งให้กับชุมชนด้วย เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายไม่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่มเติมกับเครื่องมือหรืออื่นๆ เพื่อผลิตสินค้า

บทสรุปของโครงการนี้จึงเป็นเรื่องราวของการออกแบบบทเรียนอาชีพที่มีต้นทุนจาก ‘ทรัพยากรของชุมชน’ ซึ่งหาได้ง่าย ใกล้ตัว ทำให้ชุมชนสามารถเติบโตเป็นกล้าพันธุ์ที่แข็งแรงและยั่งยืน พร้อมที่จะต่อยอดเส้นทางอาชีพเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของตนเองและชุมชน

ใช้ฐานทุนเรื่องต้นไม้และเมล็ดพันธุ์ที่มีอยู่ในชุมชนมาทำโครงการฯ ด้วยการสอนชาวบ้านเพาะกล้าไม้ เพื่อใช้ต่อยอดเป็นอาชีพเสริมวีระ สิทธิสาร ผู้จัดการศูนย์การเรียนรู้อีโต้น้อย

เกี่ยวกับโครงการเบื้องต้น

สร้างปัญญาฝึกทักษะเพื่อพัฒนาอาชีพผู้ด้อยโอกาส

ชื่อหน่วยงาน

ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนกลุ่มอีโต้น้อย

จังหวัด

บุรีรัมย์

ปีโครงการ

2562

ติดต่อ

ผู้ประสานงาน: นายวีระ สิทธิสาร
โทร: 080-1495708

เป้าประสงค์โครงการ

สร้างโอกาสที่เสมอภาคของแรงงานที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาสให้ได้รับการพัฒนายกระดับฝีมือแรงงานที่มีคุณภาพ

  1. กลุ่มผู้ด้อยโอกาสมีความรู้ด้านทักษะอาชีพตามความสนใจและมีทัศนคติในการพึ่งตนเอง
  2. ผู้ด้อยโอกาสและผู้ว่างงานเกิดอาชีพและรายได้เพิ่ม
  3. เกิดกลุ่มผู้ด้อยโอกาสที่รวมตัวกันและคอยให้กำลังใจช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

เรื่องราวนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาระบบทดลองการพัฒนาทักษะแรงงานที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส โดยกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา

กว่า 74 หน่วยงาน 42 จังหวัด กับ 1 เป้าหมายเพื่อสร้างชุมชนที่มีศักยภาพ ด้วยการพัฒนาทักษะอาชีพแก่แรงงานด้อยโอกาส