ภาพจำของคนพิการในยุคนี้คือภาพของคนที่สามารถพึ่งพาตัวเองและสามารถหารายได้เพื่อเลี้ยงชีพตนเองได้ เนื่องจากมีหน่วยงานมากมายทั่วประเทศที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนและผลักดันคนพิการให้ได้รับโอกาสในการฝึกทักษะที่นำไปประกอบอาชีพได้ โดยมูลนิธินวัตกรรมทางสังคมคือหนึ่งในองค์กรที่ทำงานกับเรื่องนี้อย่างเข้มข้น
เพราะคนทุกคนมีศักยภาพในการพัฒนาชีวิตของตัวเอง มูลนิธินวัตกรรมทางสังคมเชื่อในแนวคิดนี้และได้จัดทำโครงการ เสริมศักยภาพอาชีพคนพิการระดับตำบลจังหวัดเลยขึ้นมา เพื่อส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนพิการเพื่อทำงานในชุมชนหรือองค์กรสาธารณประโยชน์ประจำจังหวัดเลย โดยสามารถรวบรวมกลุ่มเป้าหมายมาได้ทั้งหมด 60 คน ซึ่งประกอบไปด้วยคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ จากนั้นจึงได้กำหนดเป้าหมายของโครงการไว้ 3 ข้อ คือ 1.จะต้องได้รับการพัฒนาจนสามารถเป็นพี่เลี้ยงพัฒนาอาชีพในพื้นที่ได้ 2.สามารถดำเนินอาชีพของตนและมีรายได้อย่างต่อเนื่อง 3.สามารถป็นหน่วยเชื่อมโอกาสงานและส่งเสริมอาชีพร่วมกับภาคีได้

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาโครงการได้ทำการจัดกิจกรรมหลายด้าน ตั้งแต่การสัมมนาเพื่อจัดทำแผนอาชีพรายบุคคล การพัฒนาทักษะพี่เลี้ยงระดับตำบล การพัฒนาทักษะการตลาด การถอดบทเรียนชีวิต เป็นต้น ซึ่งหลักสูตรทั้งหมดนี้ก็ได้ทำให้กลุ่มเป้าหมายมีความก้าวหน้าทั้งองค์ความรู้และทักษะเชิงปฏิบัติการมากขึ้น
หนึ่งในสมาชิกของโครงการได้เล่าถึงประสบการณ์จากเข้าร่วมโครงการนี้ว่า “เหตุผลที่เข้าร่วมโครงการนี้ เพราะโครงการนี้แตกต่างจากโครงการอื่น เนื่องจากมีการฝึกทักษะอาชีพให้คนพิการแตกต่างกันไปศักยภาพและความสามารถ ใครถนัดด้านไหนก็หนุนเสริมด้านนั้น”
“นอกจากนี้โครงการก็ยังสร้างให้เกิดการขยายกลุ่มเครือข่ายของคนพิการ ทำให้ได้มีพื้นที่แลกเปลี่ยนพูดคุยกันมากขึ้น ทำให้คนพิการเห็นคุณค่า ศักยภาพ ความสามารถของตนเอง และที่สำคัญคือ ช่วยปรับทัศนคติคนรอบข้างที่มีต่อคนพิการใหม่ กลายเป็นคนที่มีคุณค่าและมีความสามารถในการทำงานเลี้ยงตัวเอง เป็นที่ยอมรับในสังคม”
ในอนาคตหลังจากที่โครงการได้เสร็จสิ้นลง ภารกิจการฝึกทักษะและช่วยออกแบบให้กับคนพิการ น่าจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างรายได้และความภาคภูมิใจในชีวิตให้กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งย่อมจะช่วยให้เกิดผลดีทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมในชุมชนด้วย นอกจากนี้หลังจากที่คนพิการมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น ความพึงพอใจในชีวิตก็ย่อมตามมา ทำให้โอกาสที่พวกเขาจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือคนพิการกลุ่มอื่นๆ ก็มีมากขึ้น เกิดเป็นวงจรความสำเร็จที่เกื้อกูลกันต่อไปในอนาคต
ตำบลเมืองจัง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน เป็นชุมชนขนาดกลาง ชาวชุนชนประกอบอาชีพหลักคือเป็นเกษตรกร ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญส่วนหนึ่งของชุมชนเพราะมีการทำการเกษตรแบบเชิงเดี่ยว คือ ปลูกข้าวโพด ที่มีต้นทุนสูงและปลูกได้แค่ปีละ 1 ครั้ง ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ทำให้ในช่วงที่ต้องรอผลผลิต ชาวบ้านก็ขาดแคลนรายได้และไม่ทราบวิธีการแก้ไขกับปัญหานี้
เมื่อมีปัญหาก็ต้องมีทางแก้ โดยศูนย์เรียนรู้โจ้โก้และภาคีเครือข่าย ได้ร่วมกันจัดตั้ง ‘โครงการเพิ่มศักยภาพทักษะความรู้สู่ผู้มีรายได้ ตำบลเมืองจัง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน’ เพื่อช่วยสนับสนุนให้เกิดอาชีพ เพิ่มทักษะความรู้และสร้างโอกาสให้กับชุมชน โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักที่สำคัญต่อการพัฒนา คือ กลุ่มแรงงานที่ขาดทักษะและโอกาส กลุ่มผู้สูงอายุในพื้นที่ และกลุ่มเกษตรกร

ศูนย์เรียนรู้โจ้โก้ ได้ลงพื้นที่ชุมชนเพื่อทำความเข้าใจและค้นหาหนทางแก้ไขปัญหา โดยเริ่มจากการพูดคุยกับชุมชนเพื่อค้นหาความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย จากนั้นได้วิเคราะห์พื้นฐานของชุมชนเพื่อนำมาพัฒนา ทำให้ทราบว่าตำบลเมืองจัง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน มีต้นทุนที่สำคัญ คือ เกษตรกรในพื้นที่ได้รวมกลุ่มกันก่อตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อหาแนวทางการทำการเกษตรที่เหมาะสมกับคนในพื้นที่ เมื่อมีต้นทุนนี้ทำให้ศูนย์เรียนรู้โจ้โก้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสามารถร่วมกันออกแบบหลักสูตรให้กลุ่มเป้าหมายได้ จึงเกิดเป็นหลักสูตรที่ออกแบบตามความถนัดของกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มช่างชุมชน 2.กลุ่มเพาะพันธุ์กล้าไม้ และ 3.กลุ่มจัดทำปุ๋ยหมัก
กลุ่มช่างชุมชน สำหรับกลุ่มเป้าหมายเกษตรกร ที่โครงการฯ ได้เข้ามาอบรมในด้านความรู้เพิ่มเติม เช่น การอบรมความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับระบบโซล่าเซลล์ การพาพากลุ่มเป้าหมายไปศึกษาดูงานนอกสถานที่ และการดูแลระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น เพื่อเป็นการยกระดับความรู้ให้กับเกษตรกร
กลุ่มเพาะพันธุ์กล้าไม้ เป็นกลุ่มสำหรับผู้สูงอายุและผู้มีความรู้เรื่องการเพาะกล้าพื้นฐาน ที่โครงการฯ ได้เข้ามาเพิ่มพูนความรู้ในการเพาะกล้าพืชผักสวนครัว เช่น พริก มะเขือ คะน้า ต้มหอม เป็นต้น เพราะเป็นสิ่งที่สามารถบริโภคได้ในชีวิตประจำวัน และสามารถนำไปขายเพื่อสร้างรายได้

กลุ่มจัดทำปุ๋ยหมัก เป็นกลุ่มที่เหมาะกับแรงงานที่ขาดทักษะและโอกาส ที่จะเข้ามาเรียนรู้เกี่ยวกับการทำสูตรปุ๋ยหมักต่างๆ การทำน้ำจุลินทรีย์ การบำรุงดินเพื่อให้เหมาะแก่การเพาะปลูก และการหาแนวทางทำฮอร์โมนจากไข่เพื่อไปเสริมกับกลุ่มเพาะพันธุ์กล้าไม้ต่อไป
จะเห็นได้ว่าการออกแบบหลักสูตรทั้ง 3 แบบนี้ เป็นการคิดจากต้นทุนที่มีอยู่ และเป็นหลักสูตรที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน โดยกลุ่มเป้าหมายเมื่อได้รับการอบรมแล้วจะสามารถนำหลักสูตรของตัวเองไปปรับใช้ให้เข้ากับหลักสูตรอื่นๆ ได้ เป็นการกระจายความรู้ให้แก่ชุมชน สู่การเกิดเป็นองค์ความรู้ของชุมชนที่ยั่งยืน
เมื่อโครงการเพิ่มศักยภาพทักษะความรู้สู่ผู้มีรายได้ ตำบลเมืองจัง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ได้เข้ามาร่วมพัฒนาชุมชนแล้ว ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในเบื้องต้นสะท้อนให้เห็นว่า ชุมชนให้ความร่วมมือในการที่จะพัฒนาให้เกิดองค์ความรู้ พร้อมที่จะพัฒนาตนเอง ผนวกกับการได้รับโอกาสจากโครงการฯ หน่วยงานและภาคี ทำให้ชุมชนมีประสิทธิภาพในการที่จะขจัดปัญหาเรื่องการขาดทักษะและขาดรายได้อย่างดียิ่งขึ้น

อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีผลิตภัณฑ์จากแหล่งทุนของชุมชนเองที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ผ้าฝ้าย ตะกร้าไม้ไผ่ เสื่อกก กระเป๋าจากกก หมอนขิด ลูกประคบสมุนไพร สบู่สมุนไพร ข้าวไรเบอร์รี่ น้ำอ้อยสด และปลาร้าหมักข้าวคั่วแห้ง เป็นต้น แต่จะทำอย่างไรให้สินค้าเหล่านี้ปรากฏสู่สายตาผู้บริโภคได้มากขึ้นนั้น เมื่อทุกวันนี้เทคโนโลยีดิจิทัลและสื่อออนไลน์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตมนุษย์เรา ไม่เว้นแม้แต่ภาคการค้า บริการและอุตสาหกรรม
กศน.อำเภอป่าติ้ว จึงเปิดโอกาสให้นักศึกษาที่มีความสนใจเข้ามาศึกษาเรียนรู้ประสบการณ์ในการพัฒนาตนเองด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมในชุมชนในโครงการนักขายมือทองของชุมชน โดยนำหลักสูตร e-commerce มาใช้เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดที่กว้างขึ้นในการขายสินค้าให้กับชุมชน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน เกิดรายได้และสามารถเลี้ยงดูตนเองได้ โดยไม่ต้องออกไปนอกพื้นที่บ้านเกิดของตน
โดยหน่วยพัฒนาฯ ได้มีการคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ทั้งหมด 50 คน มีตั้งแต่ นักเรียน นักศึกษา ผู้ว่างงาน ที่มีอายุตั้งแต่ 15 – 59 ปี และสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ (1) ผู้ที่มีผลิตภัณฑ์หรือสินค้าเป็นของตนเอง โดยกลุ่มนี้มีความสนใจเรื่องการขายและการตลาด และ (2) กลุ่มที่ไม่มีผลิตภัณฑ์ มีความต้องการที่จะเรียนรู้และเพิ่มโอกาสหาช่องทางในการประกอบอาชีพต่อไปในอนาคต

หลังจากได้มีการสำรวจและประชุมหารือกัน หน่วยพัฒนาฯ จึงได้จัดอบรมพัฒนาอาชีพให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย โดยมีคณะวิทยากรจากสถาบัน กศน. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุบลราชธานี ให้การช่วยเหลือ ก่อนจะออกมาเป็นหลักสูตรดังนี้ หลักสูตรการพัฒนาที่เน้นชุมชนเป็นฐาน หลักสูตรที่เน้นการปฏิบัติจริง หรือจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ระหว่างองค์กรทั้งในชุมชนและนอกชุมชน เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถประกอบธุรกิจและค้าขายออนไลน์ได้ด้วยตนเอง ผ่านการนำผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของชุมชนมาค้าขายบนโลกออนไลน์ให้มีความน่าสนใจและดึงดูดผู้บริโภคทั่วไปมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังมีภาคีจากหน่วยงานในชุมชนต่างๆ ให้การสนับสนุนในด้านการขนส่งสินค้า เช่น ไปรษณีย์ป่าติ้ว บริการขนส่งเอกชน เป็นต้น
จากการที่กลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมการอบรมของโครงการฯ สิ่งที่หน่วยพัฒนาฯ เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่ชัดที่สุดคือ กลุ่มเป้าหมายเริ่มมีความรู้และความเข้าใจในทักษะด้านการใช้งานดิจิทัลเทคโนโลยีมากขึ้น รวมถึงมีแรงบันดาลใจและค้นพบเป้าหมายในการสร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์ในชุมชน จนก่อเกิดเป็นอาชีพที่มั่นคงให้กับตนเอง
“เพราะทุกคนสามารถเป็นนักขายมือทองของชุมชน สามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพและดำเนินชีวิตประจำวันที่สอดคล้องกับปัญหาในชุมชนเพิ่มและพัฒนาศักยภาพด้านการทำธุรกิจการค้าออนไลน์ เน้นต้นทุนจากท้องถิ่นที่มีอยู่ในชุมชน โดยชุมชนเป็นฐานมีรูปแบบการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ที่เหมาะเพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพและการมีงานทำอย่างมั่นคงและยั่งยืน” หนึ่งในผู้จัดโครงการฯ บอกเล่าถึงเป้าหมายสำคัญที่ต้องการก้าวไปให้ถึง
โดยในอนาคตต่อจากนี้ หน่วยพัฒนากศน.อำเภอป่าติ้วได้ตั้งเป้าที่จะปรับปรุงและกำหนดหลักสูตรกระบวนการจัดกิจกรรมแนวทางการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นผ่านการอบรมเชิงปฏิบัติกับกลุ่มเป้าหมาย จนสามารถออกหลักสูตรคู่มือนักขายมือทองที่ชัดเจนเพื่อเผยแพร่ให้หน่วยงานอื่นๆ และประชาชนทั่วไปที่สนใจต่อไป
เพราะทุกคนสามารถเป็นนักขายมือทองได้ และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพและดำเนินชีวิตประจำวันที่สอดคล้องกับปัญหาในชุมชน
